เมื่อกล่าวถึงงานแต่งงาน ทุกคนย่อมนึกถึงวันที่คู่รักได้ปฏิญาณตนจะใช้ชีวิตคู่และอยู่เคียงข้างกันจนกว่ากาลเวลาจะพรากเราจากกัน และแน่นอนว่าวันสำคัญเช่นนี้ย่อมเป็นความฝันของใครต่อหลายคนใช่ไหมคะ แต่ว่ามีใครสงสัยไหมว่า

 

แท้จริงแล้วงานแต่งงานสำคัญมากแค่ไหน ?

 

ทำไมเราต้องจัดงานแต่งงาน ?

 

เราจัดงานแต่งงานไปเพื่ออะไร ?

 

บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา ? เนื่องจากในปัจจุบัน ด้วยความที่โลกเปลี่ยนไปต่างจากเมื่อก่อน ทำให้เรื่องความคิดและทัศนคติของการใช้ชีวิตคู่เปลี่ยนแปลงไป บางคู่เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องจัดงานแต่งงาน หรือบางคู่อาจจะอยู่ก่อนแต่ง เพื่อทำการเรียนรู้ซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น แต่ในบางครอบครัว ยังคงยึดหลักจารีต-ประเพณีในรูปแบบเดิมอยู่ แล้วคุณล่ะ มีทัศนคติต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้างคะ?

“ทำไมเราต้องจัดงานแต่งงานใหญ่โต ในเมื่อสุดท้าย ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องของคนสองคนไม่ใช่เหรอ? เราจัดงานแต่งงานขึ้นเพื่อเป็นหน้าตาทางสังคมหรือเป็นการเกียรติพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย แต่ในยุคสมัยปัจจุบันที่เปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่ส่วนมากมักจะเลือกอยู่ก่อนแต่ง บางคู่สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยไม่จำเป็นต้องจัดงานแต่งงาน บางคู่อาจจะเลิกกันไป โดยไม่มีพันธะผูกพันกัน ดังนั้น จึงเกิดคำถามเหล่านี้ขึ้นมา การแต่งงานมีความสำคัญมากแค่ไหน ในเมื่อบางคู่ถึงจะแต่งงานกันไปแล้ว ก็สามารถเลิกกันได้ ในขณะที่ผู้หญิงหลายคนเฝ้ารอวันสำคัญอย่าง “วันแต่งงาน” ที่มักจะเป็นความฝันของผู้หญิงส่วนใหญ่มาทั้งชีวิต แต่การแต่งงานก็ไม่ได้การันตีเลยว่าเราจะสามารถใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่ง หรือแท้จริงแล้วการจัดงานเเต่งงานเป็นเพียงเหตุการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตให้เป็นภาพความทรงจำดี ๆ ในชีวิตเท่านั้นกันแน่คะ”

 

.

 

ก่อนอื่นเราจะขอกล่าวก่อนเลยว่า บทความนี้เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะคะ หากมีข้อความทำให้ผู้อ่านรู้สึกไม่พึงพอใจ ทางเราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

 

แท้จริงแล้ว การจัดงานแต่งงานเป็นเพียงกุศโลบายอย่างหนึ่ง ที่คู่รักจะได้หันกลับมานึกถึงวันที่เราตกลงจะใช้ชีวิตคู่กันเมื่อเกิดปัญหาขึ้นค่ะ พิธีงานหมั้น พิธีทำบุญรดน้ำสังข์ พิธียกน้ำชา หรือพิธีแบบตะวันตก ทั้งหมดล้วนเป็นพิธีที่ค่อย ๆ ดำเนินการไป เปรียบเสมือนการเริ่มต้นใช้ชีวิตอย่างมีสติ ซึ่งก่อนที่จะมีพิธีเหล่านี้เกิดขึ้น ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายก่อน เพราะ ลูก ๆ เปรียบเสมือนดวงใจของพ่อแม่ ถ้าหากคุณจะรับดวงใจของเขามาเติมเต็มชีวิตของคุณ คุณจะต้องขออนุญาตผู้ใหญ่ก่อนค่ะ หากอนาคตข้างหน้า คุณทั้ง 2 อาจจะมีเรื่องบาดหมางใจกันหรือมีอุปสรรคในการใช้ชีวิตคู่ขึ้น ขอเพียงแค่คุณย้อนกลับมานึกถึงวันแต่งงานที่คุณเคยเริ่มต้นด้วยกันอย่างมีสติ ด้วยคำสัญญาว่าจะเคียงคู่กันตลอดไป ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในพิธีแต่งงานล้วนเป็นเพียงกุศโลบาย ไม่ใช่เพียงแค่การใช้เงินไปอย่างสิ้นเปลือง บางคู่อาจจะเลือกไม่จัดงานแต่งงาน เนื่องจาก มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แต่การจัดงานแต่งงานไม่จำเป็นต้องจัดยิ่งใหญ่หรือใช้เงินจำนวนมาก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพอใจของทั้ง 2 ฝ่ายค่ะ

สุดท้ายนี้ งานแต่งงาน จึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความผูกพัน ว่าคุณทั้ง 2 คนรักกันมากพอ ที่จะมาสู่ขอกับพ่อและแม่ของอีกฝ่ายไหม คุณให้เกียรติครอบครัวกันและกันมากขนาดไหน ซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ที่คุณทั้ง 2 คนค่ะ คุณอาจจะเลือกจัดพิธีแต่งงานง่าย ๆ กราบไหว้พระในบ้าน รับพรจากผู้ใหญ่ ฯลฯ หรือจะจัดงานแต่งงานในสไตล์หรูหรา ยิ่งใหญ่ สุดท้ายแล้วปลายทางของการจัดงานแต่งงานไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม ก็คือ การที่ความรักของคุณก็ได้รับการเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันนั่นเองค่ะ